ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

ยางสำหรับงานอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ยางสังเคราะห์ (Synthetic Rubber)

ยางสังเคราะห์ เป็นยางที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี ยางสังเคราะห์แบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น ยาง SBR (ทนทานต่อการเสียดสี), ยาง NR (ทนทานต่อการขีดข่วน), ยาง NBR (ทนต่อน้ำมัน), ยาง EPDM (ทนทานต่อสภาพอากาศและโอโซน), และ ยางซิลิโคน (ทนความร้อนสูง). โดยความหนาแน่น ยืดหยุ่น หรือความแข็งของยางแต่ละประเภทจะแตกต่างกัน และมีคุณสมบัติเฉพาะของตัวเอง

ประเภทของยางสังเคราะห์ที่นำมาใช้ในงานอุตสหกรรม มีดังนี้
  • ยางสไตรีนบิวทาไดอีน (SBR – Styrene-Butadiene Rubber): 
    เป็นยางสังเคราะห์ที่ใช้กันมาก มีคุณสมบัติทนทานต่อการเสียดสี ทนความร้อน และมีความยืดหยุ่นสูง นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องทนทานต่อการขัดถู เช่น พื้นรองเท้า สายพาน และยางรถยนต์. 

  • ยางบิวทาไดอีน (BR – Butadiene Rubber): 
    มีความทนทานต่อการขัดถูได้ดีเยี่ยมและทนความเย็นได้ดี เหมาะสำหรับทำพื้นรองเท้า ดอกยางล้อรถยนต์ ที่ต้องการความทนทานต่อการขัดถู และลูกกอล์ฟ ลูกฟุตบอล ที่ต้องการความกระเด้งกระดอนสูง

  • ยางคลอโรพรีน (CR – Chloroprene Rubber หรือ Neoprene Rubber): 
    ทนทานต่อแรงดึงได้ดี ทนน้ำมัน สารเคมี แสงแดด และทนต่อเปลวไฟ นิยมใช้ทำยางซีล, โอริง, แก้มยางรถยนต์, และสายพานลำเลียงในเหมืองแร่ 

  • ยางบิวไทล์ (Butyl Rubber): 
    มีคุณสมบัติเด่นเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการการซึมผ่านของก๊าซต่ำ และทนต่อสภาพอากาศได้ดี เช่น ยางในรถยนต์ ถุงยางลมสำหรับอบล้อให้คงรูป จุดปิดภาชนะ ปลอกหุ้มสายไฟหรือสายเคเบิล

  • ยางไนไตรล์ (NBR – Nitrile Rubber): 
    ทนต่อน้ำมันและสารเคมีได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ยางที่ต้องสัมผัสกับน้ำมัน เช่น ประเก็นน้ำมัน โอริง และซีล. 

  • ยางเอทิลีนพรอพิลีนไดอีน (EPDM – Ethylene Propylene Diene Monomer): 
    ทนทานต่อสภาพอากาศ น้ำมัน และความร้อนได้ดีเยี่ยม ใช้ในชิ้นส่วนรถยนต์ ท่อยางเครื่องซักผ้า และสายพานลำเลียง และแผ่นยางกันน้ำ

  • ยางซิลิโคน (Silicone Rubber): 
    ทนทานต่ออุณหภูมิสูงและต่ำได้มาก มีความยืดหยุ่นสูง และไม่เป็นพิษ นิยมใช้ทำชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องบิน ฉนวนเคเบิล และเครื่องมือทางการแพทย์. 
  • ยางพอลิไอโซพรีน สามารถนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนที่มีอาการภูมิแพ้ต่อยางธรรมชาติ